เปิดตำราโบราณ “ศิลปะลายรดน้ำ-ลงรักปิดทอง” ที่ วิทยาลัยเพาะช่าง
อาจารย์สุรัฐ บุญทรง
“เขียนลายรดน้ำ ลงรักปิดทอง” เป็นงานประณีตศิลป์ของไทยจัดอยู่ในงานช่างสิบหมู่ มีวิวัฒนาการตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยา ในสมัยอยุธยาช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 - 23 เป็นช่วงงานศิลปะลายรดน้ำลงรักปิดทองเจริญรุ่งเรืองที่สุดและได้รับการยกย่องว่าเป็นฝีมือชั้นบรมครู ต่อมาช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 - 4 เป็นช่วงที่ศิลปะมีการแพร่หลายและเฟื่องฟู โดยภาพเขียนลายรดน้ำบางส่วนได้รับอิทธิพลจากจีนและชาติตะวันตกมาผสมผสาน หลังรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาก็ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกมากขึ้น งานศิลปะลายรดน้ำจึงเกือบจะเป็นตำนานทางมรดกศิลปวัฒนธรรมปัจจุบันการเขียนลายรดน้ำมีเพียงการเขียนซ่อมแซมหรือบูรณปฏิสังขรณ์ผลงานเก่าในอดีตเป็นหลักเท่านั้น น้อยและยังคงมีให้เห็น
| |
![]() |

หลังจากที่ได้รับมอบหมาย คณาจารย์ นักศึกษา และศิษย์เก่า สาขาวิชาหัตถศิลป์และสาขาวิชาจิตรกรรมไทย ได้แบ่งหน้าที่และลงมือทำทันที ด้วยขัดสี ลงพื้นสมุก ทำพื้นยางรัก แบบวิธีการแบบโบราณ ทาแล้วทิ้งให้แห้ง จากนั้นล้างและเช็ดด้วยผ้าขาวที่สะอาดเป็นการ “ประสะ” พื้นรักมิให้เป็นมัน เพราะหากเขียนลายลงบนพื้นรักที่เป็นมัน หรดาลจะติดไม่สม่ำเสมอ
จากนั้นร่างภาพลงบนกระดาษ ใช้เข็มปรุตามรอยเส้นภาพ บนไปทาบบนพื้นที่จะเขียน เอาดินสอพองเผาไฟบดละเอียดห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็น “ลูกประคบ” ค่อยๆ ประคบ ลวดลายต้นแบบภาพจากผงดินสอพอง จะทะลุรอยปรุไปติดพื้นผิวรักตามรอยปรุเป็นแนวเส้นลาย จากนั้นจึงใช้พู่กันจุ่มน้ำหรดาลเขียนลงบนรักตรงส่วนที่จะให้เป็นพื้นสีดำ
อาจารย์สุรัฐ กล่าวต่อว่า การลงพื้นรักในการทำตู้พระไตรปิฏกให้ออกมาสมบูรณ์ให้สวยงาม จึงต้องอาศัยช่างพื้นบ้านทีมีความชำนาญคอยแนะนำเทคนิคพิเศษแบบฉบับโบราณ “กรรมวิธีการเขียนลายรดน้ำนั้น วิทยาลัยเพาะช่างเรามีอาจารย์ที่มีฝีมืออยู่แล้ว แต่สำหรับการทำพื้นรักที่ดีที่สุดต้องให้ช่างโบราณที่ชำนาญ ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีที่เรามีอาจารย์พิเศษที่มีคุณพ่อเป็นช่างที่มีความชำนาญด้านการทำพื้นรัก จึงได้ขอแนะนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การนำกากรักที่แห้งแล้ว นำมาเผาให้เป็นผงถ่านและนำมาผสมกับรัก เพื่อนำไปลบลายเซียนไม้ได้ และที่สำคัญการทำของพื้นรักมีอุปสรรคเรื่องสภพแวดล้อม ทั้งลม และฝุ่นละออง ทำให้บางพื้นที่แห้ง และบางทีไม่แห้ง
และที่สำคัญการจัดหายางรักที่มีคุณภาพดี ใช้เวลาจัดหาเป็นเวลา 30 วัน เพราะจะต้องเป็นยางรักแท้ ๆ ทีไม่ผ่านการผสม มาใช้งาน บวกกับสภาพอากาศที่ร้อน และสภาพของห้องที่ใช้ในการทำพื้นยางรัก (สมุก) นั้นมีละอองน้ำมันจากรถทำให้มีผลในการแห้งของรักยางใช้เวลานานกว่าปกติมาก ครั้งละ 7 วัน ในแต่ละชั้น ใช้เวลาในการทำพื้นอยู่ประมาณ 60 วัน ถึงจะได้พื้นรักที่ดีแต่ทั้งนี้วิทยาลัยเพาะช่าง ได้ส่งรูปขั้นตอนการทำงาน จะทูลเกล้าฯ รายงานไปยังสำนักพระราชวังทุกอาทิตย์ ซึ่งตอนนี้เราได้ทำผลงานตู้พระธรรมทั้งสองคู่เสร็จเรียบร้อย โดยตู้ไม้ทั้งสองใบนี้จะอยู่ตั้งไว้ที่จังหวัดสมุทรปราการ"
โอกาสนี้ อาจารย์สุรัฐ และคณาจารย์จากสาขาจิตรกรรม ได้เพิ่มลวดลายหลังตู้ให้เกิดเอกลักษณ์ ด้วยการใส่แบบฉลุปิดทองหลังตู้ และลวดลายกำมะลอเป็นรูปฤาษี ชมทิว ด้วยเทคนิคการลงพื้นรักสีที่ยังไม่มีใครนำกลับมาใช้ในการทำผลงานศิลปะแบบนี้มาก่อน ซึ่งแน่นอนว่านับว่าเป็นความภูมิใจของชาวเพาะช่างที่ได้รับใช้และถวายงานในส่วนพระองค์มาโดยตลอด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น